ลางร้าย รวมความเชื่อจากทั่วโลก ที่คุณห้ามพลาด

Home / ดูดวง / ลางร้าย รวมความเชื่อจากทั่วโลก ที่คุณห้ามพลาด

ลางร้าย ความเชื่อจากทั่วโลก

ไม่ใช่แต่คนไทยเพียงเท่านั้น ต่างชาติก็มีความเชื่อเรื่องโชค และลางร้าย ไม่ต่างกับเรา โดยที่ความเชื่อเหล่านั้นก็มีความแปลกออกไป ตามแต่ธรรมเนียมและประเพณี วันนี้ Horoscope.mthai.com มีเรื่องราวมาแบ่งปันค่ะ

ลางร้าย
ลางร้ายความเชื่อจากทั่วโลก

แนวคิดเกี่ยวกับโชคลางทั้งดีและร้ายนั้นนับเป็นอีกแง่มุมที่แตกต่างกันไป ตามแต่ละวัฒนธรรม ความเชื่อบางอย่างปรากฏอยู่ในหลายวัฒนธรรม เช่น แมวดำ ตัวเลขมงคลหรืออัปมงคล อย่างไรก็ตาม ยังมีองค์ประกอบอื่นๆ อีกมากมายที่เป็นเรื่องเฉพาะวัฒนธรรมหรือประเทศใดประเทศหนึ่ง

ตัวอย่างเช่น สีแดงเป็นสีที่มีนัยสำคัญสำหรับหลายประเทศ คนเกาหลีถือว่าการเขียนชื่อตัวเองด้วยหมึกสีแดงจะนำมาซึ่งโชคร้ายอย่างที่ สุด บ้างก็ว่าถึงขั้นเสียชีวิตได้เลย! แต่ในอิสราเอล ถ้าผูกเชือกสีแดงไว้ที่ข้อมือ เชื่อกันว่าจะช่วยขับไล่ความชั่วร้ายไม่ให้มาย่างกราย ในไต้หวัน การสวมใส่ชุดชั้นในสีแดงช่วยนำโชคดีเกี่ยวกับการพนัน ส่วนในโปแลนด์ว่ากันว่าจะให้โชคด้านการสอบ …พูดถึงเรื่องการสอบ ถ้าอยากสอบให้ผ่าน คนเกาหลีบางคนถือไม่ให้กินซุปสาหร่ายในวันสอบ แต่ถ้าเป็นในเวียดนามห้ามกินไข่ เพราะไข่แทน 0 คะแนน ซึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากได้

หากเกิดหิวขึ้นมาระหว่างเดินทาง อย่าลืมนึกถึงธรรมเนียมท้องถิ่นเกี่ยวกับอาหารการกินด้วย ในจีน พ่อแม่จะสอนลูกหลานว่า ถ้าไม่กินข้าวให้เกลี้ยงชาม โตไปจะได้สามีภรรยาหน้าตาไม่งาม ส่วนคนไทยพูดกันว่า คนที่กินอาหารชิ้นสุดท้ายในจานจะได้แฟนหล่อแฟนสวย ในโรมาเนีย ผู้หญิงจะได้สามีหน้าตาไม่ดีหากมีอาหารเหลือบนจาน และคนที่นั่งกินอาหารตรงมุมโต๊ะจะอยู่เป็นโสดตลอดไป! คนอิสราเอลถือกันว่าห้ามส่งมีดให้กับมืออีกฝ่ายโดยตรง ไม่อย่างนั้นมิตรภาพจะถูกตัดขาดสะบั้น แต่ให้วางมีดลงบนโต๊ะแล้วให้อีกฝ่ายหยิบขึ้นมาเอง นอกจากนี้ ถ้าอยู่ในเวียดนามตรงกับวันขึ้นปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ ให้หลีกเลี่ยงอาหารจานเป็ด หมึก หรือเนื้อสุนัข ไม่ยากเลยใช่ไหมล่ะ!

หรือถ้ากำลังวางแผนไปแต่งงานที่ต่างประเทศ ก็มีความเชื่อว่าด้วยโชคดีโชคร้ายให้ลองพิจารณาด้วยเช่นกัน ในวัฒนธรรมตะวันตก เชื่อว่าหากเจ้าสาวพกของสี่ชิ้นไว้กับตัว ได้แก่ ของเก่า ของใหม่ ของที่หยิบยืมมา และของสีฟ้า รับรองว่าจะนำพาโชคดีมาให้ นอกจากนี้ เจ้าบ่าวจะประสบเคราะห์ร้ายอย่างยิ่งหากแอบไปเห็นเจ้าสาวก่อนเข้าพิธีแต่ง งาน บางประเทศในยุโรป เช่น สเปนและบัลแกเรีย อย่าปัดกวาดเช็ดถูหรือทำความสะอาดบริเวณรอบๆ เท้าถ้าไม่อยากไร้คู่ชีวิต!

ตัวเลขก็มีบทบาทสำคัญไม่น้อย ว่าด้วยเรื่องความเชื่อโชคลาง ลางร้าย โดยเฉพาะในเอเชีย เป็นที่ทราบกันดีว่าชาวจีนมักหลีกเลี่ยงเลข 4 เท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งในเลขที่ถนน ที่อยู่ และ ลางร้าย เบอร์โทรศัพท์ เนื่องจากเลข 4 ในภาษาจีนออกเสียงคล้ายคำที่มีความหมายว่า “ตาย” ในทางตรงกันข้าม เลข 8 จัดเป็นเลขมงคลเพราะออกเสียงคล้ายคำว่า “ร่ำรวย” ถ้าเบอร์โทรศัพท์ของคุณคือ 888-8888 คงโชคดีสุดๆ ไปเลย!

ในเวียดนาม ควรหลีกเลี่ยงการถ่ายภาพที่มีคนอยู่สามคน เพราะคนตรงกลางอาจจะถึงฆาตได้ อีกทั้งหลายวัฒนธรรมทางฝั่งโลกตะวันตกก็แนะนำให้เลี่ยงหมายเลข 13 ซึ่งแน่นอนว่าวันแห่งความโชคร้ายสุดขีดก็หนีไม่พ้นวันศุกร์ที่ 13

มาปิดท้ายกันด้วยลิสต์ความเชื่อเรื่อง ลางร้าย จากนานาประเทศ

– เกาหลีมีความเชื่อเกี่ยวกับการนอนหลับอยู่มากมาย ถ้าฝันเห็นสุนัขแปลว่าจะพบโชคร้าย แต่ถ้าฝันเห็นหมูหมายความว่าจะโชคดีไปทั้งวัน และเมื่อเข้านอน อย่าวางหมอนเปล่าไว้บนเตียง ไม่อย่างนั้นอาจมีภูติผีวิญญาณมานอนเป็นเพื่อน!

– คนจีนถือไม่ให้สระผมช่วง 2-3 วันแรกของปี เพราะเชื่อว่าจะชะล้างโชคลาภออกจากตัว

– ในเวียดนามและไทย อย่าชมทารกว่าน่ารัก สวย หรือหล่อ เพราะเชื่อว่าจะทำให้ออกมาตรงข้ามกับที่พูด

– ในสเปน ว่ากันว่าโชคร้ายจะมาเยือนหากกางร่มในอาคารหรือทำเกลือหกบนโต๊ะ แต่จะมีโชคถ้าเอาตั๋วลอตเตอรีไปถูกับท้องของหญิงมีครรภ์ ที่สำคัญต้องแน่ใจก่อนนะว่ารู้จักกัน ไม่ใช่ไปถูสุ่มสี่สุ่มห้า!

– วัฒนธรรมตะวันตกเชื่อว่าจะประสบเคราะห์หากเดินลอดใต้บันได ทำกระจกแตก แมวดำเดินตัดหน้า หรือพูดถึงเรื่องร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

– คนฝรั่งเศสไม่นิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ในวันศุกร์ ทั้งยังถือห้ามไม่ให้ดอกคาร์เนชันหรือเบญจมาศเป็นของขวัญ และอย่าวางหมวกบนเตียง เพราะเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคร้าย

– ในรัสเซีย หากลืมของไว้ที่บ้านแล้วย้อนกลับไปเอา อย่าลืมส่องกระจกด้วยเพื่อหลีกเลี่ยงโชคร้าย แล้วก็ไม่ควรจูบหรือทักทายกันที่ประตู ไม่เอาขยะออกไปทิ้งหลังตะวันตกดิน และห้ามใช้มีดส่งอาหารเข้าปาก

– ตามความเชื่อแบบอาหรับ ถ้ารู้สึกคันที่มือขวา อีกไม่ช้าจะได้เจอใครบางคนที่ไม่ได้พบกันนาน ยินดีด้วย!

 

ความเชื่อของแต่ละประเทศมีความแตกต่างกันออกไป เป็นเรื่องที่ดีที่ควรทำ

หากเรามีความจำเป็นต้องเดินทางไปประเทศนั้นๆ จะได้ปรับตัวไม่ให้ไปกระทบกับความเชื่อที่มีอยู่เดิม

ที่มาจาก : http://alonniy.exteen.com/20130927/entry