คงจะไม่มีใครที่จะไม่เข้าใจคำว่า ทำบุญ หรือ ทำทาน โดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ และท่านเชื่อไหมว่าจุดใหญ่ใจความของ พระพุทธศาสนานั้น อยู่ตรงนี้เท่านั้นเอง ย้ำอีกครั้งว่าอยู่ตรงนี้และเท่านี้จริงๆ
“ทำบุญ” หรือ “ทำทาน” ก็คือการให้ การปฏิบัติธรรมของพุทธจึงเริ่มต้นด้วย ทาน แล้วก็ศีล สมาธิ ปัญญา และแท้จริงแล้ว แม้จะเป็นศีล เป็นสมาธิ เป็นปัญญาก็ตาม ก็คือการหากฎหาวิธีมาบีบบังคับ หรือทำการหว่านล้อมให้กระทำ บุญ หรือ ทำทาน นั้นให้ได้อย่างแท้จริง จนคนผู้นั้นกลายเป็นคนใจบุญสุนทานจริงๆ กระทั่งไม่เกิดอารมณ์เกาะเกี่ยว หวงแหนหรือเสียดายอะไรในการให้นั้นๆเลย ไม่ว่าในกรณีใดๆ และทุกครั้งที่ทำ แม้จะเป็นการให้ที่เล็กน้อยที่สุด หรือจะเป็นการให้ที่มากที่สุด
“ทำ” ในที่นี้หมายถึงต้อง ทำจริงๆ และทำให้มาก ไม่ใช่เอาแต่พูด เอาแต่รู้เท่านั้น
ใจความจริงๆคือต้องทำให้ได้ ทำบุญให้จริง ทำทานให้จริง
และให้ไปโดยบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่ให้แล้วหวังผลตอบแทน
การให้ ในที่นี้ก็คือให้ทุกๆสิ่ง หมายความว่าไม่เอาไว้เป็นของเรา ไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น จะเป็นเจ้าของเงินทอง หรือวัตถุธรรมใดๆ ไปตราบจนกระทั่งแม้อารมณ์โลภ รัก โกรธ ชังอันใด ก็ไม่เอาไว้เป็นของเราเลยจริงๆ เราก็จะกลายเป็นผู้ไม่มีสมบัติอะไรเลย ไม่มีโลภ ไม่มีรัก ไม่มีโกรธ และไม่มีชัง คนผู้นี้แหละคือผู้ถึง “ที่สุดแห่งทุกข์” ถ้าใครอยากพ้นทุกข์จริงๆ ก็ให้เริ่มหัด ทำบุญ และทำทาน เสียตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป อย่ามัวคิดผัดผ่อน หรือที่องค์พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า อย่ามัวประมาทกันอยู่เลย
มีความจริงแท้อยู่ว่า ถ้าผู้ใดยังไม่เคยควักเงินจำนวนเล็กน้อยให้แก่ผู้อื่นเลย เขาก็จะไม่กล้าควักเงินจำนวนมากให้แก่ใครเป็นอันขาด !! เพราะเขากลัวเงินของเขาจะพร่องไป และโดยนัยนี้เอง ถ้าผู้ใดไม่เคยควักเงินก้อนสุดท้ายที่มีในชีวิตแก่คนอื่น โดยไม่เกิดความกลัวแต่อย่างใดเลย คนผู้นั้นก็จะไม่กล้าประจัญหน้ากับคำว่า “ไม่โลภ” เพราะเขากลัวจะอดตาย แล้วเขาจะไม่ได้เป็นผู้หมดสิ้น สูญสลายถึงภาวะแห่งความว่างเปล่า เบา สบาย อันเรียกว่า “สุญตา” หรือเป็น “นิพพาน” นั้นได้เลย
………………………………………………………………………………………………………………..
ติดตามอ่านเนื้อหาเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ ทำบุญแล้วรวย จาก Mbookstore
ดูดวงอื่นๆได้ที่ : Horoscope.Mthai.com