1. ชัยภูมิ (รูปลักษณ์ที่มีผลต่อพลังปราณ)
คือเรื่องคุณภาพของชัยภูมิที่เป็นสภาพแวดล้อมรอบๆตัว ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายกระแสพลัง ซึ่งเป็นปัจจัยในด้านที่มองเห็นหรือสัมผัสได้ ซึ่งแบ่งเป็นภายนอกและภายใน
ภายนอก
• ทิศทางของรถที่วิ่งอยู่บนของถนน
• ระดับความสูงต่ำของพื้นที่รอบๆอาคาร
• ทิศทางของกระแสลมและน้ำ
• อาคารที่อยู่รอบๆ
• สภาพแวดล้อมอื่นๆที่อยู่รอบตัว เช่น จั่วแหลม ป้ายโฆษณา หม้อแปลง เสาไฟฟ้า และรวมไปถึงทุกๆสิ่งที่มองเห็นหรือสัมผัสได้
ภายใน
• ตำแหน่งของประตู หน้าต่าง ซึ่งเป็นจุดรับพลังเข้ามาในอาคาร
• ห้องนอน ห้องทำงาน ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้อยู่อาศัยสะสมพลังวันละหลายๆชั่วโมง
• ห้องครัว เตาไฟ เป็นบริเวณที่พลังงานความร้อนหรือธาตุไฟกระจายออกมามากที่สุด
2. องศาทิศทาง (สูตรการคำนวณพลังปราณ)
องศาทิศทางของพลังสนามแม่เหล็กโลกที่ทำมุมส่งพลังดีหรือร้ายเข้ามาทางประตู หรือหน้าต่างของบ้าน โดยปัจจัยนี้ตาเปล่ามองไม่เห็น แต่ต้องใช้อุปกรณ์ช่วยวัด ก็คือเข็มทิศหล่อแก และยังต้องมีสูตรลับที่ใช้ในการคำนวณทางพลังงาน ที่คิดค้นขึ้นมาโดยปรมาจารย์ในอดีต ที่จะบอกให้รู้ว่าชัยภูมิที่เรามองเห็นด้วยตานั้น ทำปฏิกิริยาอย่างไรกับองศาทิศทางของพลังงาน จึงจะสามารถบอกให้รู้ได้ว่า สิ่งที่เห็นนั้นจะส่งผลดีหรือร้ายต่อผู้ที่อยู่อาศัยอย่างไร
เพราะสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ประกอบด้วยปัจจัย 2 ด้าน เช่น มนุษย์เราก็มีด้านที่เป็นร่างกาย(มองเห็นสัมผัสได้) และด้านที่เป็นวิญญาณ(หรือพลังงาน) ซึ่งถ้ามีแต่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ ก็จะเรียกว่าศพ คือไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้ เช่น แม้ว่าเราจะเอาอวัยวะทุกชิ้นส่วนมาเรียงต่อกันครบทุกชิ้นจนเป็นตัวคน ก็ไม่อาจจะมีชีวิตขึ้นมาได้ เพราะขาดในส่วนของวิญาณ ส่วนถ้าหากมีแต่วิญาณที่ไร้ร่างกายรองรับ เราก็จะเรียกว่าเป็นผี ที่ล่องลอยไร้แก่นสาร ซึ่งในแง่ของฮวงจุ้ยนั้น ก็จะพิจารณาว่าวัตถุรอบๆตัวแต่ละชนิดที่เรามองเห็นอยู่นั้น ทำปฏิกิริยาอย่างไรกับพลังของในแต่ละทิศทาง จึงจะเกิดอิทธิพลส่งผลต่อคนที่อยู่ในบ้านขึ้นมาได้
เช่น จั่วแหลมที่พุ่งเข้ามาใส่หน้าต่างห้องนอนของเรา ก็ไม่ใช่จะทำให้เกิดเรื่องร้ายกับคนที่นอนในห้องนั้นทุกวัน แต่ต้องรอว่าเมื่อไหร่ที่พลังไม่ดีหมุนเคลื่อนตัวเข้ามาทับในทิศทางนั้น จึงจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นมาได้
การจัดหรือแก้ไขฮวงจุ้ยก็คือ ต้องอ่านให้ออกว่า ถ้าปัญหาอยู่ที่ชัยภูมิซึ่งไม่ยอมจ่ายกระแส ก็ต้องแก้ไขเอาสิ่งที่ขวางกระแสออก เช่น ตัดต้นไม้หน้าบ้าน ย้ายเฟอร์นิเจอร์ที่ขวางทางเข้าออก หรือวัตถุบางชนิดไปอยู่ในทิศทางที่พลังไม่ดี จึงทำปฏิกิริยาให้เกิดเรื่องร้ายกับคนที่อยู่ในบ้านนั้นๆ ก็จัดการเอาวัตถุนั้นออกเสีย ซึ่งปัญหาอย่างนี้เป็นสิ่งที่ซินแสที่มีประสบการณ์จะสามารถช่วยได้
แต่ถ้าเป็นเหตุสุดวิสัย เช่น ถ้ายกห้างมาบุญครองไปเปิดในป่าช้าชลบุรี ซินแสคนไหนในโลกก็คงไม่อาจช่วยคุณขายดีหรือเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาได้ นอกจากจะแนะนำให้ย้ายออก ซึ่งอย่างน้อยก็จะเป็นประโยชน์ในแง่ที่จะช่วยลดความสูญเสียที่จะเกิดขึ้นใน อนาคต เหมือนอย่างกรณีที่ อ.มาศได้มีโอกาสไปดูฮวงจุ้ยให้ฝรั่งที่ตึกเวิร์ลเทรดที่อเมริกา ก็แนะนำให้เขาย้ายออกอย่างเดียว แก้อย่างอื่นไม่ได้ เพราะเขาเป็นผู้เช่ารายเล็กๆของตึกทั้งหมด ซึ่งก็ยังช่วยให้เขารอดชีวิตมาได้
ส่วนถ้าเป็นปัญหาเรื่ององศาทิศทางของพลังไม่ดี ก็ต้องหาทางแก้ในเรื่องทิศทาง ไม่ใช่มาเปลี่ยนแปลงที่วัตถุหรือชัยภูมิ เช่น ถ้าบ้านหลังนั้นหันไปรับกับทิศทางที่พลังไม่ถูกยุคถูกสมัย เข้ามากระตุ้นให้คนในบ้านตัดสินใจลงทุนผิดพลาด จึงได้ทำให้เกิดความล้มเหลวเสียหาย ก็ต้องแก้ไขโดยการปรับองศาทิศทางของบ้านให้รับพลังที่ถูกยุคเข้ามาเสริมคน ให้คิดหรือวางแผนกลยุทธ์ได้เข้ากับยุคสมัยหรือโอกาสภายนอก
3. ดวงชะตา (พลังที่ประจุในตัว)
คือ พลังที่ประจุเข้าไปในตัวของเราตอนที่เกิด ซึ่งจะต้องคำนวณละเอียดไปถึงขั้นยามที่เกิด จึงจะใช้การได้จริง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทำให้เราต้องการพลังที่ไม่เหมือนกัน เข้ามาเสริมพลังในตัว โดยจะใช้เป็นข้อมูลในการวิเคราะห์ว่าทิศทางของบ้าน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้าง ให้คุณกับบุคคลมากน้อยแค่ไหน รวมทั้งการจัดทิศหัวนอนและทำงาน นอกจากนี้ยังสามารถนำไปใช้ในการเลือกรูปแบบการตกแต่งบ้าน กำหนดวิธีการปรับแก้ดวงชะตา
4. ฤกษ์ยาม (กาลเวลาที่สอดคล้อง)
คือ วิธีการคำนวณช่วงระยะเวลาที่พลังจากจักรวาล จะส่งผลบวกต่อบุคคลและทิศทางของบ้าน เพื่อประสานปัจจัยพลังงานของฟ้า ดิน และคน ให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมีเทคนิคในการคำนวณหาที่สลับซับซ้อน ไม่เหมือนกับที่คนส่วนใหญ่เข้าใจกัน
ถ้าหากการจัดฮวงจุ้ยไม่ได้กระทำครบทั้ง 4 องค์ประกอบ ก็ไม่อาจจะทำให้เกิดประสิทธิผลตามที่คาดหวังได้ เช่น ท่านอาจจะได้ชัยภูมิที่ดี องศาทิศทางที่นำกระแสพลังที่ถูกยุคเข้ามา แต่ถ้าท่านเริ่มต้นก่อสร้างในวันเวลาที่พลังงานจากฟ้าไม่ดี ทำให้บ้านของท่านประจุพลังร้ายเข้าไปในบ้าน เมื่อท่านเข้าไปอยู่ก็จะสะสมพลังร้ายเหล่านี้เข้าไปในตัว ย่อมทำให้ชีวิตค่อยๆผกผันไปในทางไม่ดี โดยที่ซินแสที่มาตรวจสอบฮวงจุ้ยให้ท่านในภายหลังจากที่ท่านเข้าอยู่แล้ว ก็อาจงงว่าชัยภูมิและองศาทิศทางดีแต่ทำไมไม่เจริญรุ่งเรือง
แต่สูตรที่ถูกต้องในการสร้างสัมพันธ์ของทั้ง 4 ปัจจัยให้เป็นหนึ่งเดียวนั้น ถูกเก็บงำไว้เป็นความลับสุดยอด ที่เปิดเผยหรือสอนกันอยู่ตามสำนักต่างๆในปัจจุบัน จึงแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เช่น บางแห่งดูชัยภูมิใช้หลักวิชาหนึ่ง แต่คำนวณองศาทิศทางของพลังจะใช้อีกวิชาหนึ่ง ส่วนการจัดห้องให้เข้ากับบุคคลก็ไปใช้อีกวิชา พอหาฤกษ์ที่จะดำเนินการก็ไปใช้อีกระบบ เมื่อไม่ได้ใช้วิชาในระบบเดียวกัน จึงอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ได้ออกมาดังที่ประสงค์ไว้
ปัญหาของวงการวิชาฮวงจุ้ยในปัจจุบัน จึงเป็นเรื่องของการที่ไม่ได้มีการกำหนดมาตรฐานของวิชา เหมือนกับระบบการแพทย์ที่จะมีขั้นตอนชัดเจนว่า ถ้าผู้ป่วยมีอาการแบบไหนมา จะต้องเริ่มต้นรักษาด้วยขั้นตอนไหน เนื่องจากวิชาฮวงจุ้ยนั้น ถือกำเนิดมาในโลกตะวันออกที่มีวัฒนธรรมแตกต่างจากตะวันตกอย่างสิ้นเชิง เพราะในโลกตะวันตกนั้น เมื่อคุณค้นพบสิ่งใดแล้วนำมาเปิดเผยสู่สาธารณชนทราบ คุณจะได้รับการยกย่องเชิดชู เมื่อใดที่มีการพูดถึงในเรื่องนี้ ก็จะต้องอ้างอิงชื่อของคุณ ถ้าหากจะนำผลงานของคุณไปใช้ก็จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ จึงทำให้หลักวิชามีมาตรฐาน ทุกคนมีโอกาสเรียนรู้และเข้าถึงได้
ส่วนในโลกตะวันออกนั้น เมื่อคุณค้นพบสิ่งใดแล้วนำมาเปิดเผยสู่สาธารณชนทราบ ทุกคนมีแต่รอคอยจะก็อปปี้ เมื่อนำไปใช้ก็อ้างว่าตนเองค้นพบเอง จึงไม่มีใครอยากที่จะเปิดเผยวิชาออกมา มีแต่จะสอนให้กับลูกหลานหรือลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดเท่านั้น ส่วนถ้าจะมีการเขียนตำรา ก็จะไม่เปิดเผยเคล็ดวิชาที่แท้จริงลงไป
จึงทำให้ไม่มีการกำหนดหลักมาตรฐานของวิชา ว่าจัดแบบนี้ถูก จัดแบบนั้นผิด ซึ่งปัญหาที่ตามมาก็คือซินแสทุกคนจะมีความเชื่อว่า วิชาที่ตนเองเรียนมาเป็นวิชาที่ถูกต้อง จึงไม่ค่อยจะมาสังสรรค์สมาคมกัน และก็เป็นเรื่องของวาสนาของลูกค้าเองว่าจะพบซินแสคนไหน ใช้วิชาอะไร หรือชำนาญกับชัยภูมิแบบที่ตรงกับบ้านของคุณพอดี เรียกว่ารักษาถูกโรค ก็จะเห็นผลอย่างรวดเร็ว
การจัดฮวงจุ้ยจึงไม่ใช่เรื่องของมือสมัครเล่นที่อ่านหนังสือที่ขายอยู่ใน ท้องตลาดไม่กี่เล่มจะมาตั้งตัวเป็นซินแสรับให้คำปรึกษาแก่บุคคลทั่วไป คือประเภทที่เรียนรู้มาไม่จริง แต่กลับมาเดินในเส้นทางนี้ เอาวัตถุมงคลมาหลอกขายชาวบ้าน เช่น การติดเสือคาบดาบ หรือกระจกแปดทิศ(โป๊ยข่วย) การตั้งเจ้าที่ ฮกลกซิ่ว ตั้งวัตถุมงคล ของปลุกเสก หรือยันต์ต่างๆ เหล่านี้คงเป็นสิ่งที่ผมยอมรับไม่ได้ ซึ่งซินแสในปัจจุบันกว่า 90 % เป็นเช่นนี้ ทั้งๆที่ในคัมภีร์โบราณทางฮวงจุ้ยทั้งหมดไม่เคยมีการบัญญัติให้ใช้สิ่งเหล่า นี้ ซึ่งอาจจะเรียกว่า ซินมั่ว
หลักการที่ถูกต้องของวิชาฮวงจุ้ย ก็คือ หาวิธีการช่วยให้คนนำความรู้ความสามารถและศักยภาพที่เขามี ไปจับกับความต้องการของตลาดหรือโอกาสภายนอก ลองยกตัวอย่างของคน2 คนที่เก่งเท่ากัน ผลิตสินค้าชนิดเดียวกัน ทุกๆวันที่ออกไปหาลูกค้าวันละ 10 ราย ถ้าคนแรกออกไปแต่ละวันก็บังเอิญได้เจอแต่ลูกค้าที่กำลังอยากได้สินค้าชนิด นั้นพอดี ก็คือ ความเจริญรุ่งเรืองร่ำรวย แต่อีกคนเมื่อออกไปทุกวัน ก็พบแต่ปัญหาอุปสรรค ลูกค้าทุกรายที่ไปพบ บังเอิญยังไม่ต้องการสินค้าตัวนี้ ถ้าเจอแบบนี้ตลอดก็เรียกว่า พบกับความล้มเหลว หมุนเงินไม่ทัน ไม่มีเงินไปจ่ายเจ้าหนี้ นี่คือหลักของฮวงจุ้ย คือพยายามช่วยให้บ้านรับพลังที่ถูกยุคเข้าไปกระตุ้นคน ให้คิดและทำสิ่งต่างๆได้ถูกยุค ถูกสมัย ถูกจังหวะกับโอกาสภายนอก
ฮวงจุ้ยจึงเหมือนกับตัวคูณ ที่ทำหน้าที่ขยายศักยภาพของคนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น ถ้าคุณมีความสามารถในระดับ 80 คะแนน แล้วได้ฮวงจุ้ยระดับ 100 เป็นตัวคูณ ก็จะกลายเป็น 8,000 แต่ถ้าได้ได้ฮวงจุ้ยที่ดีระดับ 100,000 ก็จะขยายเป็นผลงานระดับ 8,000,000 ส่วนถ้าโชคร้ายพบกับฮวงจุ้ยติดลบ 1000 เมื่อคูณเข้าไปใส่กับความสามารถที่คุณมี สิ่งที่จะสูญเสียก็กลายเป็น -80,000 แต่ถ้าหากว่าคนๆนั้นมีความสามารถเป็น 0 เช่นเป็นคนปัญญาอ่อน ต่อให้ได้ฮวงจุ้ยระดับ 1,000,0000 คะแนน เมื่อคูณกับ 0 ก็กลายเป็นศูนย์
ข้อมูลโดย : อ.มาศ ซินแสฮวงจุ้ยระดับโลก