โบราณว่า หากใครได้ ลอดโบสถ์ หรือพระอุโบสถได้ 3 วัด วัดละ 3 รอบ เคราะห์เบาจะหาย เคราะห์ร้ายจะบรรเทา เป็นการเสริมสิริมงคล นอกจากนี้ ยังเชื่อว่า หากได้ลอดหรือมุดแล้ว จะช่วยถอนคุณไสยมนต์ดำ เดรัจฉานวิชา เสน่ห์ยาแฝด หรือสิ่งอัปมงคลต่างๆ รวมทั้งโรคภัยไข้เจ็บ และเป็นสิริมงคลว่าเป็นการหนุนวาสนา หนุนดวง มั่งมีศรีสุข ประสบความสำเร็จในชีวิตหน้าที่การงาน ขณะเดียวกัน ก็มีความเชื่อด้วยว่า “แม้เอาหน้าผากจรดพื้นอุโบสถสามารถขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย สิ่งไม่ดีได้
โดยมีคติความเชื่อเกี่ยวกับการสะเดาะเคราะห์ว่า วัดที่จะให้มีการลอดโบสถ์ต้อง เป็นโบสถ์เก่าที่บูรณะใหม่ด้วยการยกพื้น ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาน้ำท่วม เราจะเห็นว่าโบสถ์ คือ สถานที่เกิดของพระสงฆ์(บวชพระ) ตามพระวินัยบัญญัติโบสถ์ เป็นสถานที่พระสงฆ์ใช้ทำวัตร เช้า-เย็น สวดปาติโมกข์ โบสถ์ จะสมบูรณ์ต้องผ่านการสวดทักสีมา ฝังลูกนิมิตโบสถ์ จึงถือเป็นถาวรวัตถุ เป็นสถานที่สำคัญและศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในทางพระพุทธศาสนา ด้วยเหตุนี้จึงมีหลายวัดพยายามจัดให้มี การ เสริมมงคลดวงชะตา สำหรับท่านที่ทำอะไรติดๆขัดๆ มีเคราะห์ ไม่ค่อยสบายใจ ต้องการมีโชค มีลาภ เสริมบุญบารมี ให้ชะตาราศีดีขึ้น ให้หน้าที่การงาน การเงินประสพแต่ความสำเร็จ อธิษฐานขอพรให้เกิดใหม่ ให้บังเกิดแต่ความสุขความเจริญ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ มีโชคมีลาภ หมดหนี้ หมดสิน ทำสิ่งใดก็ขอให้ประสพแต่ความสำเร็จทุกประการ
ฉะนั้นการ ลอดโบสถ์ สะเดาะเคราะห์ต้องผ่านใต้ฐานพระประธานบนพระอุโบสถ และการ ลอดโบสถ์ หนึ่ง รอบจะต้องปิดทองลูกนิมิตลูกเอก ที่อยู่ใจกลางพระอุโบสถหนึ่งแผ่น โดยวิธีการ ลอดโบสถ์ นั้น ไม่มีกำหนดกฎเกณฑ์อะไร เมื่อไปถึงวัดก็สามารถลงไปลอดได้เลย โดยไม่ต้องใช้ดอกไม้และธูปเทียน ส่วนใครจะเตรียมไปเพื่อใช้ไหว้พระก็สามารถทำได้ตามความเชื่อความศรัทธา ทั้งนี้ ก่อนการลอดให้ตั้งนะโม 3 จบ โดยให้ตั้งจิตอธิษฐานว่า “ข้าพเจ้า ลอดโบสถ์ ทุกข์โทษนานาติดเนื้อหนังมังสา กรรมปัจจุบันให้พลันสวาหาย” และ ระหว่างเดิน ลอดโบสถ์ 3 รอบนั้น ส่วนยุคปัจจุบัน ผู้ใดต้องอัปมงคล ต้องธรณีสารอุบาทว์แปดประการ ต้องน้ำมันผีต้องน้ำมันพราย ต้องเดรัจฉานวิชาคุณไสย ต้องเสน่ห์ยาสั่งยาแฝด ต้องคุณสิบสองภาษา ต้องมนต์ดำมนต์แดง ติดเนื้อหนังมังสา กรรมใหม่เหล่านี้ ลอดโบสถ์ แล้วหลุดหาย ต้องโรคเวร โรคาพยาธิกรรมเก่าแต่ปางก่อน ลอดโบสถ์ แล้วทุเลาเบาหาย”การ ลอดโบสถ์ สะเดาะเคราะห์นั้น เป็นความเชื่อที่สืบทอดกันมานาน
บทความ อ. สุริยะเทพ มนตราทิพย์
ขอบคุณข้อมูลจาก
HOROLIVE